ใครที่มีปัญหาเปิด Eclipse ไม่ได้ หรือ เปิด Aptana ไม่ได้ ติดปัญหาเกี่ยวกับ Java หา Path ไม่เจอ
ลองศึกษาการ ตั้งค่า config ได้ที่
http://wiki.eclipse.org/Eclipse.ini
ถ้าใครอ่านแล้วไม่เข้าใจลองดูตัวอย่างด้านล่างได้ ผมขอยกตัวอย่าง กรณีของ Eclipse นะครับ (โดยปกติแล้ว Aptana ก็จะใช้วิธีเดียวกันได้
กรณีแรกเป็นการแก้ไขปัญหาเข้า Eclipse ไม่ได้ แล้วฟ้องว่าหา JRE ไม่เจอ ถ้าติดตั้ง JRE แล้วแต่ก็ยังไม่สามารถเข้าได้แล้วก็ยังฟ้องว่าหาไม่เจออีก ให้เข้าไปแก้ไขไฟล์ eclipse.ini โดยปกติแล้ว ภายในไฟล์จะแสดงประมาณด้านล่างนี้ (แต่ว่าอาจจะมีค่าที่แตกต่างกันได้ขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการ หรือ Operating System ที่ใช้อยู่))
กรณีแรกเป็นการแก้ไขปัญหาเข้า Eclipse ไม่ได้ แล้วฟ้องว่าหา JRE ไม่เจอ ถ้าติดตั้ง JRE แล้วแต่ก็ยังไม่สามารถเข้าได้แล้วก็ยังฟ้องว่าหาไม่เจออีก ให้เข้าไปแก้ไขไฟล์ eclipse.ini โดยปกติแล้ว ภายในไฟล์จะแสดงประมาณด้านล่างนี้ (แต่ว่าอาจจะมีค่าที่แตกต่างกันได้ขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการ หรือ Operating System และ ตัว Eclipse แต่ละ package ที่ใช้อยู่)
จากไฟล์ eclipse.ini นี้ให้เพิ่มตัวแปรเพื่อระบุ path ของ JVM ที่ถูกต้อง
แทรกเข้าไปก่อนบรรทัด -vmargs ซึ่ง "C:\Java\JDK\1.7\bin\javaw.exe" ตรงนี้เราจะต้องเอาค่าตำแหน่งที่แท้จริงที่เราได้ติดตั้ง JRE ไว้ (สำหรับคนที่ติดตั้ง Eclipse ส่วนมากจะใช้พัฒนา Java ส่วนมากแล้วจะต้องติดตั้งตัว JDK ซึ่งในตัว JDK โดยทั่วไปจะรวม JRE มาด้วย ยกเว้นโหลด version ที่ไม่มี JRE)
หลังจากนั้นก็ให้บันทึกแล้วทำการเปิดตัว Eclipse มาใหม่ ก็น่าจะเปิดโปรแกรมได้แล้ว
ลองศึกษาการ ตั้งค่า config ได้ที่
http://wiki.eclipse.org/Eclipse.ini
ถ้าใครอ่านแล้วไม่เข้าใจลองดูตัวอย่างด้านล่างได้ ผมขอยกตัวอย่าง กรณีของ Eclipse นะครับ (โดยปกติแล้ว Aptana ก็จะใช้วิธีเดียวกันได้
กรณีแรกเป็นการแก้ไขปัญหาเข้า Eclipse ไม่ได้ แล้วฟ้องว่าหา JRE ไม่เจอ ถ้าติดตั้ง JRE แล้วแต่ก็ยังไม่สามารถเข้าได้แล้วก็ยังฟ้องว่าหาไม่เจออีก ให้เข้าไปแก้ไขไฟล์ eclipse.ini โดยปกติแล้ว ภายในไฟล์จะแสดงประมาณด้านล่างนี้ (แต่ว่าอาจจะมีค่าที่แตกต่างกันได้ขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการ หรือ Operating System ที่ใช้อยู่))
กรณีแรกเป็นการแก้ไขปัญหาเข้า Eclipse ไม่ได้ แล้วฟ้องว่าหา JRE ไม่เจอ ถ้าติดตั้ง JRE แล้วแต่ก็ยังไม่สามารถเข้าได้แล้วก็ยังฟ้องว่าหาไม่เจออีก ให้เข้าไปแก้ไขไฟล์ eclipse.ini โดยปกติแล้ว ภายในไฟล์จะแสดงประมาณด้านล่างนี้ (แต่ว่าอาจจะมีค่าที่แตกต่างกันได้ขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการ หรือ Operating System และ ตัว Eclipse แต่ละ package ที่ใช้อยู่)
-startup plugins/org.eclipse.equinox.launcher_1.2.0.v20110502.jar --launcher.library plugins/org.eclipse.equinox.launcher.cocoa.macosx.x86_64_1.1.100.v20110502 -product org.eclipse.epp.package.jee.product --launcher.defaultAction openFile -showsplash org.eclipse.platform --launcher.XXMaxPermSize 256m --launcher.defaultAction openFile -vmargs -Dosgi.requiredJavaVersion=1.5 -XX:MaxPermSize=256m -Xms40m -Xmx512m
จากไฟล์ eclipse.ini นี้ให้เพิ่มตัวแปรเพื่อระบุ path ของ JVM ที่ถูกต้อง
-startup plugins/org.eclipse.equinox.launcher_1.2.0.v20110502.jar --launcher.library plugins/org.eclipse.equinox.launcher.win32.win32.x86_1.1.100.v20110502 -product org.eclipse.epp.package.java.product --launcher.defaultAction openFile --launcher.XXMaxPermSize 256M -showsplash org.eclipse.platform --launcher.XXMaxPermSize 256m --launcher.defaultAction openFile -vm C:\Java\JDK\1.7\bin\javaw.exe -vmargs -Dosgi.requiredJavaVersion=1.5 -Xms40m -Xmx1024m
จากค่าข้างบน เราได้เพิ่ม
-vm C:\Java\JDK\1.7\bin\javaw.exe
หลังจากนั้นก็ให้บันทึกแล้วทำการเปิดตัว Eclipse มาใหม่ ก็น่าจะเปิดโปรแกรมได้แล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น